ผ้าม่านประเภทผ้าทึบ (DRAPERY FABRIC) สามารถกันแสงได้ตั้งแต่ 40%-80% แต่ปัจจุบันนวัตกรรมผ้าม่านได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนสามารถทอผ้าให้มีประสิทธิภาพในการกันแสงได้สูงสุดจนถึง100%
การเลือกใช้ผ้าม่านแต่ละประเภท ควรคำนึงถึงเรื่องการใช้งานจริงเป็นหลัก อาทิต้องคำนึงถึงเรื่องช่วงเวลาเช้า แดดออกรำไร กลางวัน แดดออกและมีความร้อนเพิ่มขึ้น และ ตอนเย็นถึงกลางคืน ด้านในจะสว่างกว่าด้านนอก หรือ การตกแต่งเพื่อสร้างบรรยากาศโดยรวมให้เป็นไปธีมที่เรากำหนด ซึ่งอาจจะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอื่น เช่น สีผนัง วอลล์เปเปอร์ โคมไฟ สีของหลอดไฟ สีพื้นห้อง และ เฟอร์นิเจอร์ส่วนอื่นๆ อีกทั้งเรื่องขององค์ประกอบภายในหากมีเฟอร์นิเจอร์มากชิ้นอยู่แล้ว ควรจะใส่สีผ้าม่านให้เป็นสีอ่อนเพื่อไม่ให้ห้องนั้นดูอึดอัดมากเกินไป
เรื่องของระดับของการกันแสง หรือ ปริมาณที่ให้แสงผ่านเข้ามาในห้อง ผู้ใช้ควรพิจารณาถึงการใช้งานในแต่ละพื้นที่ หากเป็นห้องนั่งเล่น หรือห้องทำงาน ควรปล่อยให้มีแสงธรรมชาติเข้าถึง ผู้ใช้ควรเลือกใช้ผ้าม่านประเภทผ้าทึบธรรมดา แต่หากเป็นห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงหรือไม่ต้องการให้แสงธรรมชาติเข้า ผู้ใช้ควรเลือกผ้าที่สามารถกันแสงได้ประมาณ 80%ขึ้นไป
ผ้าม่านทึบ DRAPERY FABRIC สามารถให้แสงผ่านได้ตั้งแต่ 40% – 70% ผ้าม่านกันแสง DIMOUT FABRIC มีประสิทธิภาพในการป้องกันแสงผ่านได้ตั้งแต่80%-99% หากไม่ต้องการให้แสงเข้าเลย ควรเลือกใช้ ผ้าม่านBACKOUT100% FABRIC
นอกจากใช้ผ้าทึบเพื่อป้องกันแสงจากภายนอกแล้ว ผ้าโปร่ง SHEER FABRIC ยังช่วยทำให้บรรยากาศโดยรวมของห้องมีความนุ่มนวล อบอุ่น มากขึ้นและยังช่วยบังสายตาจากคนภายนอกมองเข้ามาได้อีกด้วย